filler

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

อ้างอิงจาก^^

http://www.bloggang.com
http://www.matichon.co.th
http://women.thaiza.com
http://www.manager.co.th
https://www.google.co.th
http://www.youtube.com

คุค้ ^___

แชร์ประสบการ์ณ....จากผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์จมูกแบบปลายหยดน้ำ

เมื่อเดือนที่ผ่านมาทาง ได้เข้าร่วมMakeover
เป็นการทำครั้งแรกในชีวิตที่เจอแบบหนักๆแบบนี้ ทั้งฉีดฟิลเลอร์ อัลเทอร่า
ร้อยไหม ฉีดโบท็อก ทุกอย่างภายในวันเดียว! 



ภาพแรก -ก่อนทำ รีเควสคุณหมอไปว่าอยากเพิ่มช่วงปลายจมูกให้โด่งและ
ยาวลงมาสักนิด หน้าจะได้ไม่ดูแบนแต๊ดเกินไป TT...
ภาพสอง -หลังทำ30นาที จมูกดูแข็งๆเป็นแท่งๆตามแบบในรูปเลย เป็นแบบ
นี้อยู่ประมาณ3วัน วันถัดไปก็จะดูซอฟเป็นธรรมชาติ
ภาพสาม -หลังทำ12วัน เริ่มรู้สึกเริ่มเข้าที่เข้าทาง ขยับได้บีบจมูกเล่นได้อยู่


ช่วงแรกเราจะทายาชาทั้งหน้าเลย เพราะว่าทำหลายอย่าง แต่ถ้าแค่จมุก
ก็จะโบ๊ะยาชาแค่ช่วงจมูกเท่านั้น คุณหมอเริ่มฉีดไล่จากสันลงมา บีบๆปั้นๆ
เหมือนดินน้ำมันก้อนนึงขนจมูกTT ยังไม่รุ้สึกเจ็บอะไรมากมายเท่าไหร่
...........
แต่พอฉีดปลายจมูกเท่านั้นแหล่ะค่ะ ย้ำว่าเจ็บพอตัวเลย น้ำตาไหลพรากๆ
เพราะตรงนั้นส่วนใหญ่เป็นเส้นประสาท คุณหมอบอกเจ็บเป็นเรื่องปกติ!

 

หลังทำได้เสร็จก็จะมีแท่งเย็นๆมาประคบเอาไว้ พอกลับมาหลังสัก7-8ชั่วโมง
ตรงจุดที่ฉีดก็จะแดงๆบวมๆอยู่ โดยเฉพาะช่วงปลายเพราะว่าฉีดไปเยอะหน่อย




หลายคนบอกว่าบวมช้ำม่วงเขียวอะไรก็ว่าไป แต่ของเช่ไม่เป็นจะแดงๆตรงช่วงปลายเท่านั้น พี่สาวเพื่อนเช่ที่เป็นพยาบาลแนะนำว่า หลังจากทำให้นอนหนุนหมอนสูงสัก2-3วัน เลือดจะได้ไม่ไปคลั่ง เช่ก็ลองทำตามดูก็ไม่เขียวไม่ช้ำ ยาที่หมอให้เช่กินแค่2วันแล้วก็เลิก
เพราะไม่ชอบทานยา TT 

ครบ1เดือน แต่ก่อนต้องเฉดจมูก แต่ตอนนี้ไม่เฉดก็รู้สึกOK.................................................................

ฉีดสารอะไรเข้าไป?Hyaluronic acid หรือ HA เป็นfillerชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ
ได้มากกว่าน้ำหนักโมเลกุลของมันถึงพันเท่า และมีลักษณะเป็นเนื้อเจล
มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ได้หลายอย่าง เช่นเติมเต็มริ้วรอย หลุมสิว ร่องแก้ม
ทำให้บริเวณนั้นเต็มขึ้น HAจะค่อยๆถูกmetabolize ในร่างกายสลายออกไป

อยู่ได้นานเท่าไหร่?คุณหมอบอกเช่12เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล ทานน้ำให้เยอะๆ หลังจาก6เดือน
มันก็จะค่อยๆยุบไปเองตามกระบวนการธรรมชาติ

แล้วต่างจากซิลิโคนทำจมูกยังไง?

ซิลิโคน

ข้อดี - ราคาถูกกว่า ทำครั้งเดียวอยู่ถาวรได้นานไม่ต้องคอยเติม ทำปลายหยดน้ำได้
ต้องดูฝีมือการเหลาของหมอ หรือเอากระดูกหลังหูมาเพิ่มปลายเอา
ข้อเสีย - ถ้าเป็นซิลิโคนราคาถูกความยืดหยุ่น ความเเป็นธรรมชาติก็จะหายไป มีแผล
เพราะต้องผ่าตัด ดังนั้นต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควรกว่าจะเข้ารูป

ฟิลเลอร์
ข้อดี - ไม่ต้องผ่าตัด ระยะการพักฟื้นน้อยกว่าแบบซิลิโคน จะมีแค่แผลจากรอยเข็ม
ไม่กี่วันก็หาย ได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า บิด/ดึง/งอจมูกได้ 
ข้อเสีย - ราคาสูงกว่าและไม่อยู่ถาวร 7-8เดือนก็ควรเติมเพิ่มถ้ายังพอใจในรูปทรงนั้น
คิดเฉลี่ยแล้วราคาสูงกว่าซิลิโคนแน่นอน เกิดพังผืด ถ้าเช่จะไปทำแบบ
ซิลิโคน ของเช่จะกลายเป็นเคสงานแก้ทันที สรุปง่ายๆสลายไปไม่หมดนั่นเอง

จะทำแบบซิลิโคนหรือฉีดฟิลเลอร์ดี?ถ้าคุณมีเป็นคนมีเนื้อจมูกเยอะ แนะนำทำเป็นซิลิโคนดีกว่า อยากได้แบบ
ธรรมชาติปลายหยอดน้ำ ก็ต้องดูที่ฝีมือคุณหมอกับประเภทซิลิโคนที่จะทำ
แต่ถ้าคุณมีเนื้อจมูกน้อย ฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อย
มันจะไม่ดูดึงจมูกรั้งออกมามากนัก ไม่เสี่ยงกับปลายจมูกจะทะลุ

บทความดีๆที่อยากให้อ่านตัดสินใจฉีด ต้องถามให้ดีว่าสารอะไร ตัวไหน และศึกษาก่อน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ 
เช่น สถาบันนั้นๆหรือคุณหมอได้รับการรับรองไหม เคสที่แย่ก็มีเช่นในลิ้งค์  
http://gamesbbclinic.blogspot.com/2012/04/filler.html
............................................................................



สรุปโดยรวม:ส่วนตัวเช่พอใจและชอบในความเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องกังวล
หรือวิตกมากมายเวลาบีจมูก แคะจมูกก แต่ถามว่าทำต่อไหม คิดว่าไม่ดีกว่า
เพราะคิดแล้วว่ายังไงถ้าเราทำเป็นซิลิโคนซะทีเดียว แต่เลือกคุณภาพดี
และฝีมือคุณหมอ ก็น่าจะคุ้มกว่าต้องไปฉีดไปเติมเรื่อยๆ
สำหรับเช่จมูก คือสิ่งที่ถ้าคิดจะทำต้องขอคิดนานๆราคาสูงไม่เกี่ยงแต่ขอให้เข้ารูปหน้า
รูปทรงเหมาะสม คุณภาพซิลิโคนต้องดี เพราะจมูกอยู่จุดศูนกลางใบหน้า และมันโดดเด่น
โหนกแก้มสูงกรามบานยังเอาผมมาปิดมาบังได้ แต่จมูกจะเอาอะไรมาบัง
เช่คงรอให้มันสลายไปก่อน อีกสักปีนึงอาจจะกลับมารีวิวแบบซิลิโคน ใช้กระดูกอ่อน
ต่อปลายจมูก มันเป็นสิ่งที่แพลนไว้ในอนาคต แต่ไม่แน่อาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆมาเพิ่มอีกก็ได้
เพราะสมัยนี้มันเยอะไปหมด บางทีเราเองรู้สึกตามไม่ทัน ^^ 

เตือนสาวอยากสวย! ฉีดฟิลเลอร์อันตรายถึงชีวิต-เสริมดั้งโด่งเสี่ยงตาบอดจมูกเน่า!!!!


เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังประเทศไทย แถลงข่าว เรื่อง “อันตรายจากการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์” ว่า จากกรณีการเข้ารับบริการฉีดสารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์ แล้วเกิดอาการแทรกซ้อน พบว่ามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอาการไม่รุนแรง จนถึงรุนแรงมาก เช่น เขียวช้ำ เป็นจ้ำเลือด บวม หน้าไม่เท่ากัน จนถึงรุนแรงขั้น ผิวหนังตาย ตามองไม่เห็น หรือถึงขั้นเสียชีวิต การรับบริการจึงต้องศึกษาหาข้อมูล ทั้งสถานที่ที่จะรับบริการ สารที่แพทย์จะฉีดให้ และตัวแพทย์ที่ฉีดด้วย และแม้ว่าสารที่ฉีดได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้เครื่องมืออุปกรณ์การฉีดที่ได้มาตรฐาน แต่ผู้ที่ฉีดขาดความชำนาญ และสถานที่ฉีดไม่ได้รับการรับรอง ไม่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยเหลือกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินก็ถือว่าเสี่ยงทั้งสิ้น 

ผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ หัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เทคนิคฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ง่าย คือ ใช้การฉีด เหมือนการฉีดยาเท่านั้น แต่พบว่าวิธีฟิลเลอร์เพื่อสร้างเป็นดั้งจมูก มีภาวะแทรกซ้อน คือ ทำให้เกิดตาบอด ซึ่งพบผู้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวแล้ว 5-10 ราย เพราะบริเวณจมูกมีเส้นเลือดแขนงจำนวนมากที่เชื่อมต่อกับระบบหลอดเลือดของประสาทตา และสมองโดยตรง โดยปกติการฉีดสารจะต้องฉีดเข้าไปใต้ระหว่างผิวหนัง หากพลาดและสารเข้าไปที่หลอดเลือดที่ไปที่ดวงตา แม้เพียง 0.4-0.5 ซีซี ก็จะทำให้ตาบอดภายในไม่กี่นาที ถือเป็นความสูญเสียถาวร นอกจากนี้ ยังพบว่า หากสารเข้าไปที่หลอดเลือดที่ไปยังสมองอาจก่อให้เกิดอาการอัมพาตได้ด้วย แต่พบได้น้อยกว่าภาวะตาบอด

“ปัจจุบันยังพบการฉีดฟิลเลอร์ด้วยสารโพลีอะคริลามายด์ (polyacrylamide) มักโฆษณาว่า อยู่ได้ 2-3 ปี สลายตัวช้า แต่ความจริงสารดังกล่าวไม่สลายตัว และ อย.สหรัฐอเมริกา ถอนการรับรอง เพราะพบว่าทำให้เกิดมะเร็งเต้านมด้วย โดยพบว่าประชาชนนิยมไปฉีดหน้าอก สะโพก ในปริมาณสูงมากเป็นพันซีซี จึงขอเตือนว่า หากเกิดสารรั่วไหลเข้าเส้นเลือดจะเกิดอันตรายอย่างยิ่ง โดยหากหลุดเข้าไปที่ปอดจะทำให้ปอดอุดกั้นและขาดอากาศหายใจทันที หรือหากอุดบริเวณเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขา ก็จะทำให้ขาเน่าได้ ซึ่งกรณี พริตตี้ คาดว่าสารน่าจะเข้าไปในหลอดเลือดดำ และย้อนกลับไปยังปอด ทำให้คนไข้ขาดออกซิเจน และหยุดหายใจ”

การฉีดฟิลเลอร์...WowW

TOP10 การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความงาม


TOP 10 การใช้ฟิลเลอร์ Filler เพื่อเสริมความงาม






1. รอบดวงตา ใช้ Filler ลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ทันที แก้ปัญหาร่องน้ำตาลึก รอยตีนกา รอยคล้ำใต้ตา ช่วยให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถแต่งหน้าหลังการฉีด Filler ได้ตามปกติ

2. ร่องแก้ม ใช้ Filler เติมเต็มร่องแก้มลึก ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์บ่งบอกอายุ Fillerช่วยเติมเต็มร่องแก้ม โดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ก็ทำให้ร่องแก้มลึกตื้นขึ้นได้ในทันที ดูอ่อนเยาว์ สวยงาม อย่างเป็นธรรมชาติ


3. ริมฝีปาก นิยมใช้ Filler ฉีดให้ปากดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ และใช้ Filler  แก้ปัญหาริมฝีปากที่เริ่มเหี่ยวย่น ให้ดูเรียบเนียน แก้ปัญหาขอบปากไม่ชัด และแก้ปัญหามุมปากตก

4. ริ้วรอยหน้าผาก ใช้ Filler สำหรับเติมเต็มเส้นริ้วรอยหน้าผาก ให้จางหายไป

5. ยกกระชับใบหน้า Filler สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าที่เหี่ยวย่นและหย่อนยาน ที่เกิดจากผิวหน้าสูญเสียคอลลาเจน และอิลาสตินไปตามธรรมชาติ Filler สามารถยกกระชับให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้นได้ทันที ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างน่าอัศจรรย์

6. จมูก ปัจจุบัน คนเอเชียที่สันจมูกแบน จมูกไม่โด่ง นิยมเข้าคลินิก เพื่อใช้ Filler เสริมดั้งจมูกให้โด่งขึ้น  การใช้ Filler กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วยทำให้จมูกโด่งขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด

7. คาง ใช้ Filler ฉีดที่คาง สำหรับผู้มีปัญหาคางสั้น หรือคางน้อย ฉีด Filler เพื่อเพิ่มความยาวให้คาง

8. แก้มตอบ สำหรับคนที่มีปัญหาแก้มตอบ หน้าผอม สามารถใช้ Filler เพื่อเติมเต็มแก้ม ให้ดูมีเนื้อเพิ่มมากขึ้นได้

9. รอยหลุมสิว ใช้ Filler กับแผลเป็นหลุมสิว ทำให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้น

10. รอยแผลเป็น สำหรับรอยแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ แล้วผิวหรือเนื้ออาจหายไป ทำให้เห็นเป็นแผลยุบ สามารถใช้ Filler เติมเต็มรอยแผลเป็นที่ยุบนี้ให้ตื้นขึ้นได้

รู้จักดั้งสวยเร่งด่วนด้วย.... ฟิลเลอร์


         เห็นจมูกดาราทั้งโด่งเป็นสัน มีหยดน้ำที่ปลายจมูกสวย-หล่อแล้ว ก็เกิดอาการอยากมีดั้งโด่งกับเขาบ้าง ยิ่งสมัยนี้มีวิทยาการสมัยใหม่ที่เอาใจคนไม่อยากเจ็บตัวจากการทำศัลยกรรมจมูก ด้วยการฉีดฟิลเลอร์แทน ฉีดเพียงไม่กี่นาที ดั้งที่เคยแหมบ จมูกที่เคยแบน ก็กลับโด่งโดดเด้งอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ก่อนฉีดก็มีคำแนะนำจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจมูกโด่งเร่งด่วนนี้จะสวยแบบปลอดภัย




นพ.ทรงยศ จันทจิตร์ ศัลยแพทย์ตกแต่ง แห่งยศยาคลินิก กล่าวว่า ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีคุณสมบัติเด่น 2 ประการคือ การเติมร่องริ้วรอยให้ตื้นขึ้น และ การเพิ่มปริมาตรเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆของร่างกาย โดยการเติมร่องริ้วรอยทั้งร่องแก้ม ใต้ริมฝีปาก หัวคิ้ว และใต้ตาล่าง ส่วนการฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อจะช่วยในการปรับรูปร่างใบหน้าให้สวยเข้ารูปได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้นได้แก่ การฉีดเสริมจมูก คาง แก้ม ขมับ เป็นต้น



สารที่นำมาฉีดเติมเต็มใต้ผิวหนังมีหลายชนิด ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ในปัจจุบัน และถูกนำมาใช้มากที่สุดคือ สารไฮยาลูรอนิก แอสิด (Hyaluronic Acid) และการฉีดไขมันตนเอง (Fat Transfer) ซึ่งสารไฮยาลูรอนิก เป็นที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกมากกว่าสารอื่นๆ เพราะมีงานวิจัยรองรับถึงความปลอดภัยในการใช้ โดยการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนิกนี้จะมีลักษณะโมเลกุลคล้ายกับสารไฮยาลูรอนิกในร่างกายมนุษย์ และเนื่องจากไม่ใช่เป็นคอลลาเจนที่ผลิตมาจากสัตว์ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง 



      วิธีฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกนั้น แพทย์จะทายาชาหรือฉีดยาชาตามแนวสันจมูก แล้วจึงฉีดสารไฮยาลูรอนิก ตามแนวสันจมูก หรือปลายจมูก และหลังฉีดเมื่อเลือดหยุดดีแล้วจึงทำการปั้นแต่งโดยเกลี่ยสารเติมผิวให้เข้าที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง จนได้จมูกที่สวยได้รูปในทันที สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก คือ แพทย์จำเป็นต้องมีความรู้ความชำนาญเรื่องกายวิภาคของจมูกอย่างเชี่ยวชาญ มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างจมูกว่าบริเวณใดต้องฉีดมากน้อยเพียงใด และฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะสันจมูกที่ประกอบด้วย สันกระดูกบริเวณหัวตา(Radix), กระดูกแข็งส่วนบน(Bony Vault), กระดูกอ่อนส่วน upper lateral cartilage, กระดูกอ่อนส่วน Supratip of Lower lateral cartilage และ กระดูกอ่อนส่วน Infratip of Lower lateral cartilage นอกจากนี้ยังมีส่วนค้ำให้ปลายจมูกเชิดขึ้นเรียกว่า Columella ซึ่งบริเวณที่จะต้องฉีดสารเติมเต็มเข้าไปเพื่อให้ได้รูปทรงจมูกที่สวยงามจะต้องคำควณให้ดีว่าสันจมูกทั้ง 6 บริเวณดังกล่าว จะต้องใช้ปริมาณสารเติมเต็มเท่าใด และต้องปรับมุมองศาของปลายจมูกด้วยหรือไม่ โดยความเชิดของปลายจมูกควรต้องมีความพอดี เมื่อมองจากด้านข้างแล้ว จมูกควรทำมุม 90 ถึง 95 องศา กับเนื้อด้านบนริมฝีปาก ซึ่งขั้นตอนการปรับปริมาณสารเติมเต็มในแต่ละบริเวณนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด และต้องใช้ประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางของแพทย์อย่างมาก



ฉีดด่วน...ดั้งโด่งทันใจ 



การฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกนั้นใช้เวลาเพียง 10 นาที หลังฉีดเสร็จจมูกก็โด่งทันตา คนไข้ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปทำงานได้ตามปกติ หากไม่พอใจก็สามารถฉีดสลายได้ (ฟิลเลอร์ที่ดีควรมีตัวฉีดสลาย หากไม่มี ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นสารอื่นที่ไม่ปลอดภัย) และสารไฮยาลูรอนิก มีอายุประมาณ1 ปี แล้วจะสลายไปเองตามธรรมชาติโดยไม่มีร่องรอยใดๆทิ้งไว้ ลักษณะจมูกที่เหมาะสม ที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วได้ผลดีมากคือ คนที่มีปัญหาสันจมูกน้อย โดยที่ปลายจมูกไม่กว้างจนผิดรูปหรือมีมุมองศาที่ดูจมูกเชิดมากไป ฐานจมูกไม่กว้างมาก และมีความหนาของผิวหนังที่ปลายจมูกเหมาะสม คือไม่หนาหรือบางจนเกินไป 


ระวังฟิลเลอร์ปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่การศัลยกรรมจมูกจึงมีอายุไม่ได้อยู่ถาวร เพราะสารไฮยาลูรอนิก มีอายุประมาณ1 ปี แล้วจะค่อยๆสลายไปจึงต้องมาทำการฉีดเติมเป็นระยะๆ ทำให้ต้องเสียสตางค์บ่อยครั้งตามการฉีด ที่สำคัญการฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มีความรู้ด้านโครงสร้างจมูกหรือขาดความเชี่ยวชาญในการฉีดสารไฮยาลูรอนิกอาจไม่ได้รูปทรงจมูกที่สวยงามได้มุมจมูกหรือสัดส่วนจมูกตามมาตรฐาน และอาจมีการมีการไหลเคลื่อนที่หรือบิดเบี้ยวไปได้ ยิ่งจมูกของคนที่มีเนื้อน้อย ผิวบางก็ต้องใช้การประเมินที่ละเอียดรอบคอบ ถ้าฉีดตื้นเกินไปผิวหนังจะดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติหรือผิวหนังบวมแดงได้ หรือเทคนิคตอนฉีดถ้าปล่อยสารไม่ต่อเนื่อง สารอาจเป็นก้อนขรุขระหรืออาจไหลเลื่อนไปส่วนอื่นได้ หรือถ้าแพทย์ที่ไม่มีความรู้เรื่องตำแหน่งการฉีด และตำแหน่งเส้นเลือดก็อาจมีการฉีดสารเข้าไปในเส้นเลือดเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา 


       ที่อันตรายมากที่สุดคือ การที่คลินิกซึ่งไม่ได้มาตรฐานใช้สารอื่นที่ไม่ใช่สารไฮยาลูรอนิก เช่นซิลิโคนเหลว พาราฟินหรือน้ำมันอื่นๆ หรือคอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์ ในการฉีดจมูก จะทำให้ผิวหนังที่จมูกแดง บวมอักเสบ เนื้อที่จมูกตายอย่างถาวร สารที่ว่านี้ยังไหลไปบริเวณข้างเคียงทำให้ผิดรูปร่าง สารอันตรายนี้จะอยู่ในร่างกายนานโดยไม่มีการสลายตัว ไม่สามารถฉีดสลายได้เลยจึงทำให้แก้ไขได้ยากมาก 




การฉีดสารไฮยาลูรอนิกโดยแพทย์ที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ อาจทำให้จมูกเกิดการบิดเบี้ยวและเนื้อตายได้



ดังนั้นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกคือ ต้องแน่ใจว่าสารที่แพทย์ฉีดให้คือสารไฮยาลูรอนิก แพทย์ที่ฉีดให้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ และน่าเชื่อถือ ควรศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบก่อนการฉีด เพื่อที่จมูกใหม่จะสวยสมใจและไม่ทำร้ายเจ้าของจมูก

ข้อดี... ของฟิลเลอร์


 ฟิลเลอร์ (Filler) หรือสาร Hyaluronic Acid (HA)




       คือสารที่ฉีดเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง เพื่อลดแก้ไข หรือลบเลือนปัญหาร่องลึกให้กลับมากระชับได้อีกครั้ง เช่น รอยย่นจากวัยหรือรอยย่นที่เกิดจากแสงแดด และยังสามารถนำมาฉีดช่วยในการปรับแก้ไขรูปหน้า เช่น เสริมจมูก เสริมคาง ริมฝีปาก ร่องแก้ม และจมูก หรือแม้แต่การบำรุงผิวให้กลับมากระชับ เปล่งปลั่งสดใสอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า ลำคอ หลังมือ หรือแม้กระทั่งผิวบริเวณหน้าอก

      ข้อดี :     การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มจุดด่าง ๆ ใช้เวลาเพียง 15-30 นาที อีกทั้งยังสามารถเห็นผลได้หลังจากฉีดทันที แต่บางกรณีอาจมีอาการข้างเคียงบ้าง เช่น บวม เจ็บ ปวด คัน และจะค่อย ๆ หายไปเองภายในวันสองวันเมื่อฉีดสารชนิดนี้เข้าไปในชั้นผิวหนังจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย และสามารถย่อยสลายไปเองได้ตามกระบวนการทำงานของร่างกาย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำที่ร่องเดิมนั้นอาจต้องทำซ้ำตามความเหมาะสม